ข่าวสาร

ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวลือและข้อมูลที่ถูกแชร์ในโลกโซเชียลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ Smart Watch อาจถูกแฮ็กเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและธุรกรรมทางการเงินผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เทคโนโลยี Bluetooth ที่ใช้ใน Smart Watch ปัจจุบันมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและระบบ Tokenization ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญถูกดักจับและนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต การดักจับสัญญาณ Bluetooth เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลบัตรเครดิตหรือธุรกรรมทางการเงินได้โดยตรง ความเสี่ยงที่แท้จริงมักเกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้เอง เช่น การติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ การกดยอมรับการจับคู่ Bluetooth กับอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก หรือการไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปิดช่องทางให้แฮ็กเกอร์สามารถแทรกซึมหรือโจมตีระบบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการแฮ็กผ่านมัลแวร์ที่แฝงมากับแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบน Smart Watch หรือสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งถ้าแอปนั้นมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลธนาคาร ก็อาจถูกขโมยได้เช่นกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ใช้งานควรปฏิบัติดังนี้ - ปิดการใช้งาน Bluetooth เมื่อไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการจับคู่กับอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก - ตรวจสอบและอนุญาตการจับคู่ Bluetooth เฉพาะกับอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น - หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่เป็นทางการ - อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการของ Smart Watch และสมาร์ตโฟนอย่างสม่ำเสมอ - ลบหรือถอนการติดตั้งแอปที่ไม่จำเป็นหรือไม่น่าเชื่อถือออกจากอุปกรณ์ โดยสรุปแล้ว Smart Watch ไม่ได้เสี่ยงถูกแฮ็กข้อมูลบัตรเครดิตผ่าน Bluetooth ได้ง่าย ๆ อย่างที่ข่าวลือกล่าวอ้าง แต่ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้เองเป็นหลัก การระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การใช้งาน Smart Watch เป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น